อสมท.จ่อปรับค่าสัมปทาน 'บีอีซีเวิลด์-ยูบีซี'ปลายปี

อสมทจ่อปรับค่าสัมปทาน 'บีอีซีเวิลด์-ยูบีซี'ปลายปี
กรุงเทพธุรกิจ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2550 06:00:00

วสันต์ ภัยหลีกลี้
"อสมท" พร้อมชี้ขาดค่าสัมปทานบีอีซีเวิลด์-ยูบีซี ปลายปีนี้ คาดปรับขึ้นเพื่อความเท่าเทียมกันในการทำธุรกิจ ขณะที่รายได้ครึ่งปีหลังฟื้น เหตุปรับค่าโฆษณาทั้งรายการข่าว-ละครเฉลี่ย 10% รวมทั้งเร่งเพิ่มรายการสนทนาการเมืองหวังดึงโฆษณาก่อนเลือกตั้ง
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : แหล่งข่าวระดับสูงจาก บมจ. อสมท เปิดเผยว่า การตัดสินใจปรับขึ้นค่าสัมปทานกับบริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด หรือบีอีซี เวิลด์ ผู้ดำเนินการธุรกิจสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 และบริษัท ทรู วิชั่นส์ ยูบีซี จำกัด ผู้ดำเนินการธุรกิจโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกหรือเคเบิลทีวี ทรู วิชั่นส์ หรือเดิมใช้ชื่อว่า ยูบีซี หรือไม่นั้น ขณะนี้ อยู่ระหว่างการศึกษาของคณะกรรมการตรวจสอบสัญญาของ อสมท โดยมีนายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน เพื่อทบทวนสัญญาที่มีอยู่เดิมให้เป็นไปตามเวลาที่เปลี่ยนไปและพิจารณาว่าดำเนินการต่อไปอย่างไร

ทั้งนี้เนื่องจากข้อสรุปจากการศึกษาสัญญาร่วมดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์ระหว่าง อสมท กับบริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (บีอีซี) นั้น คณะทำงานชุดดังกล่าว ระบุว่า การแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาครั้งที่ 3 (ปี 2525) ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม ในการจัดสรรผลประโยชน์จากการร่วมดำเนินกิจการกับบีอีซี และทำให้ผลตอบแทนที่ อสมท ได้รับในระหว่างปี 2533-2548 มีจำนวนลดลงเป็นอย่างมาก เนื่องจาก อสมท ควรได้รับผลตอบแทนจากรายได้จริงในอัตรา 15.20 -25.73% ในขณะที่ปัจจุบันได้รับเพียง 1.43% และเนื่องจากการแก้ไขสัญญากำหนดให้บีอีซี สามารถขยายระยะเวลาการดำเนินกิจการออกไปอีก 10 ปี โดยนับจากปี 2553 เป็นต้นไป ซึ่งหมายความว่า อสมท จะต้องประสบภาวะดังกล่าวไปจนถึงปี 2563

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาทั้งหมดนั้นจะต้องมีการศึกษาอย่างรอบคอบที่สุด ซึ่งมีกำหนดการสรุปผลการศึกษาให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ โดยจะรวบรวมข้อมูลและศึกษาโดยคณะทำงานพิจารณาด้านสัญญาและกฎหมาย

สำหรับการจัดตั้งคณะกรรมการดังกล่าวนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากนโยบายของนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร เมื่อครั้งเข้ามาดำรงตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการ บมจ. อสมท ที่ได้มีมติให้ อสมท ทบทวนสัญญาต่างๆ ที่ทำไว้กับภาคเอกชนรายใหญ่ 2 ราย ประกอบด้วย บริษัท ทรู วิชั่นส์ ยูบีซี จำกัด และบริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยใจความหลักก็เพื่อทบทวนและพิจารณาสัญญาดังกล่าวว่ามีความถูกต้อง เป็นธรรม หรือไม่อย่างไร รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่นๆ ว่าถูกต้องหรือไม่
ด้านนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท กล่าวถึงผลประกอบการในงวดครึ่งปีหลังว่า คาดว่าจะดีหากเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากมีรายได้จากงานภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น รวมทั้งบริษัทมีการปรับผังรายการใหม่และปรับราคาค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นจากอัตราเดิมเฉลี่ยประมาณ 10% เช่นรายการข่าวปรับขึ้นประมาณ 20% จากอัตรานาทีละ 2 แสนบาทเป็น 2.4 แสนบาท ขณะที่ละครอัตราที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 8-18% ทั้งนี้ อัตราค่าโฆษณาของบริษัทโดยรวมยังต่ำกว่าสถานีอื่นๆ เกือบเท่าตัว จึงเห็นว่าเป็นเวลาที่สมควรปรับ

สำหรับผลประกอบการ ในงวดไตรมาส 3/2550 แนวโน้มของรายได้คงจะสูงกว่าไตรมาส 2/2550 ประมาณ 10% เนื่องจากในช่วงไตรมาสดังกล่าว จะมีเม็ดเงินโฆษณาไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่สถานการณ์ทางการเมืองเริ่มนิ่ง ทำให้เอเยนซีมีความเชื่อมั่นมากขึ้น "ในงวดไตรมาส 4 น่าจะมีรายได้โฆษณาเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเลือกตั้งทั่วไปจะทำให้ผู้สนับสนุนและพรรคการเมืองมีงบโฆษณา ทำให้บริษัทจะได้รับผลดีตามมาด้วย ดั้งนั้นภาพรวมครึ่งปีหลังจะดีขึ้นแต่ถ้าเทียบทั้งปีอาจจะไม่ดีเท่ากับปีก่อน เพราะครึ่งปีแรกซบเซา" นายวสันต์กล่าว

นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 4/2550 บริษัทยังเตรียมที่จะนำรายการเกี่ยวกับการเมืองคือ รายการสนทนาการเมืองเข้ามาในผังรายการด้วย เพื่อให้ความรู้กับประชาชนก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เขากล่าวว่า เดือนม.ค.2551 บริษัทมีแผนจะปรับผังรายการครั้งใหญ่เพื่อให้รูปแบบรายการตรงกับความต้องการของผู้บริโภคและเอเยนซี และในช่วงเดือนก.ย.และ ต.ค.นี้ บริษัทได้ปรับผังรายการย่อยไปแล้ว โดยมีการนำรายการตาสว่าง เป็นปลื้ม และรายการเวิลด์ฟิล์ม เฟสติวัล เข้ามาเสริม สำหรับเดือนพ.ย.นี้ บริษัทเตรียมที่จะเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) ที่ประเทศสิงคโปร์กับ บริษัทเลแมน บราเดอร์ส และที่ผ่านมาได้เดินทางไปโรดโชว์ที่สิงคโปร์กับ บล.ธนชาต รวมทั้งประเทศฮ่องกงกับ บล.ภัทร และนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กับ บล.ทิสโก้ และดอยช์แบงก์ ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนสนใจเข้ารับฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก และการโรดโชว์ครั้งนี้เป็นการทำต่อเนื่อง เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุน และเชื่อว่านักลงทุนจะให้ความสนลงทุนบริษัท อสมท เนื่องจากมีแนวโน้มที่ดี ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มรายได้มีโอกาสปรับตัวขึ้นผลดีจากการปรับอัตราค่าโฆษณาเพิ่มขึ้นและยังอยู่ต่ำกว่าอัตราทั่วไป รวมทั้งการปรับปรุงรูปแบบรายการต่างๆ ให้มีความน่าสนใจมากขึ้น ส่วนจากกรณีที่จะมีร่าง พ.ร.บ.โทรคมนาคมออกมา และมีแนวโน้มจะควบคุมการนำเสนอข่าวนั้นบริษัทเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินงานหรือรูปแบบรายการของบริษัท เนื่องจากที่ผ่านมาได้เน้นคุณภาพ และนำเสนอข้อมูล โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นหลัก และความคืบหน้าของการสอบสวนคดีบริษัทไร่ส้มนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบของฝ่ายกฎหมาย